ในโลกของการซื้อขายฟอเร็กซ์, การใช้เครื่องมือทางเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ตลาดและทำการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมและใช้งานกันอย่างแพร่หลายคือสโตแคสติก (Stochastics) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการระบุสภาวะการซื้อมากเกินไป (overbought) และการขายมากเกินไป (oversold) ในตลาด บทความนี้จะแนะนำวิธีการใช้สโตแคสติกในการซื้อขายฟอเร็กซ์
ความหมายของสโตแคสติก
สโตแคสติกเป็นตัวชี้วัดแบบมีขอบเขตที่แสดงถึงตำแหน่งปิดล่าสุดเมื่อเทียบกับช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด มันประกอบด้วยสองเส้นหลัก คือ เส้น %K (เส้นสโตแคสติก) และเส้น %D (เส้นสัญญาณ) ซึ่งเส้น %D คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของเส้น %K
การตั้งค่าสโตแคสติก
การตั้งค่ามาตรฐานสำหรับสโตแคสติกคือ 14, 3, 3 โดยที่:
14 หมายถึงช่วงเวลาที่ใช้คำนวณเส้น %K
3 หมายถึงช่วงเวลาสำหรับคำนวณเส้น %D จากเส้น %K นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเหล่านี้ได้ตามความต้องการ
การใช้สโตแคสติกในการซื้อขาย
การระบุสภาวะ Overbought และ Oversold: เมื่อเส้น %K ขึ้นไปเหนือระดับ 80, แสดงถึงสภาวะการซื้อมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การกลับตัวของราคา ในทางกลับกัน, เมื่อเส้น %K ตกลงมาต่ำกว่าระดับ 20, แสดงถึงสภาวะการขายมากเกินไป
สัญญาณซื้อและขาย: สัญญาณซื้อเกิดขึ้นเมื่อเส้น %K ตัดขึ้นผ่านเส้น %D ในขณะที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 20 และสัญญาณขายเกิดขึ้นเมื่อเส้น %K ตัดลงผ่านเส้น %D ในขณะที่อยู่เหนือระดับ 80
การยืนยันแนวโน้ม: นอกจากจะใช้สำหรับการระบุสภาวะการซื้อขายมากเกินไปแล้ว สโตแคสติกยังสามารถใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มปัจจุบันได้ เมื่อเส้น %K และ %D ทั้งคู่เคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม
การใช้สโตแคสติกในการซื้อขายฟอเร็กซ์ต้องมีการฝึกฝนและความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับตัวชี้วัดนี้ นักลงทุนควรใช้มันร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยงจากสัญญาณที่ผิดพลาด นอกจากนี้, การทดสอบกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อนนำไปใช้จริงเป็นวิธีที่ดีในการปรับปรุงความสามารถในการใช้สโตแคสติกและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์
